สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นทุกต้นปีใหม่คือการประกาศผลการจัดอันดับดัชนีพาสปอร์ตเฮนลีย์ (Henley Passport Index) ซึ่งจะชี้วัดว่า พาสปอร์ตของประเทศไหน “ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก”

การจัดอันดับดังกล่าวจะอ้างอิงข้อมูลจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เพื่อพิจารณาว่า พาสปอร์ตของประเทศใดสามารถเดินทางไปยังประเทศ/พื้นที่อื่น ๆ “โดยไม่ต้องขอวีซ่า” ได้มากที่สุด

เนปาลจับผู้นำทางจิตวิญญาณ “บุดดาบอย” ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ

ฮูตีส่งโดรน-มิสไซล์ล็อตใหญ่โจมตีเรือในทะเลแดง สหรัฐฯ-อังกฤษสกัดไว้ได้

ปธน.ฝรั่งเศสตั้งนายกรัฐมนตรีคนแรกที่เป็น LGBT และอายุน้อยที่สุด

ล่าสุด เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส (Henley & Partners) ผู้จัดทำดัชนีดังกล่าว ก็ได้เปิดเผยผลการจัดอันดับหนังสือเดินทางที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกประจำไตรมาสแรกของปี 2024 ออกมาแล้ว โดยเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ปีนี้ มีพาสปอร์ตถึง 6 ประเทศที่อยู่ในอันดับ 1 พาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสเปน นับเป็นครั้งแรกที่มีพาสปอร์ตที่ได้อันดับ 1 มากถึงขนาดนี้ในประวัติศาสตร์ 19 ปีของดัชนีพาสปอร์ตเฮนลีย์

นอกจากนี้ พวกเขายังทำลายอีกหนึ่งสถิติ นั่นคือมีจุดหมายปลายทางที่ไม่ต้องขอวีซ่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีอีกด้วย โดยพลเมืองของทั้ง 6 ประเทศสามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ถึง 194 แห่งจาก 227 แห่ง

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีเพียง 2 ประเทศเอเชียอย่างญี่ปุ่นและสิงคโปร์เท่านั้นที่ครองอันดับ 1 ร่วมกัน แต่ปีนี้การก้าวขึ้นมาของฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปน ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของชาติยุโรป

ขณะที่ในอันดับที่ 2 นั้น ประกอบด้วยพาสปอร์ตของ ฟินแลนด์ สวีเดน และเกาหลีใต้ โดยสามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางได้ 193 แห่ง

ส่วน ออสเตรีย เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ มาเป็นอันดับ 3 มีจุดหมายปลายทาง 192 แห่ง

เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก นอร์เวย์ โปรตุเกส และสหราชอาณาจักร อยู่ที่อันดับ 4 (191 ปลายทาง) ในขณะที่ กรีซ มอลตา และสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ในอันดับที่ 5 (190 ปลายทาง)

ในส่วนของประเทศที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดในการเพิ่มอิทธิพลพาสปอร์ตของตัวเองนั้นคือ “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” โดยใช้เวลา 10 ปี เพิ่มจุดหมายปลายทางปลอดวีซ่าจาก 77 แห่งมาเป็น 183 แห่งในปีนี้ เพิ่มขึ้นมาถึง 106 แห่ง จนได้รับอันดับที่ 11 ในปีนี้

คริสเตียน เคลิน ประธานของ เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส กล่าวในแถลงการณ์ว่า แม้ว่าแนวโน้มโดยทั่วไปในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาจะเป็นไปในทิศทางที่หลายประเทศมีเสรีภาพในการเดินทางมากขึ้น แต่ช่องว่างกับประเทศที่อยู่อันดับล่าง ๆ ของตารางกลับกำลังกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

“จำนวนจุดหมายปลายทางโดยเฉลี่ยที่นักเดินทางสามารถเข้าถึงโดยไม่ต้องขอวีซ่าเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจาก 58 แห่งในปี 2006 มาเป็น 111 แห่งในปี 2024” เคลินกล่าว

เขาเสริมว่า “อย่างไรก็ตาม ประเทศที่ติดอันดับสูงสุดในตอนนี้สามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางปลอดวีซ่าได้มากกว่าอันดับสุดท้ายอย่างอัฟกานิสถานถึง 166 แห่ง โดยอัฟกานิสถานสามารถเข้าถึงประเทศอื่นโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้เพียง 28 ประเทศเท่านั้น (อยู่ในอันดับที่ 104)”

ส่วนประเทศซีเรีย ซึ่งเข้าถึงเพียง 29 จุดหมายปลายทางโดยไม่ต้องขอวีซ่า อยู่ในอันดับที่ 103 ขณะที่อิรักสามารถเข้าถึงได้ 31 ประเทศ และปากีสถานสามารถเข้าถึงได้ 34 ประเทศ

สำหรับประเทศไทยของเรานั้น อยู่ในอันดับที่ 63 ของดัชนี โดยสามารถเดินทางไปประเทศ/พื้นที่อื่นโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ 82 ประเทศ ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะยกระดับพาสปอร์ตไทย ด้วยการทำข้อตกลงกับจีน ยกเว้นวีซ่ากันและกันระหว่างทั้งสองประเทศแบบถาวร ซึ่งก่อนหน้านี้จีนเคยยกเว้นวีซ่าให้เพียง 5 ประเทศเท่านั้น

เรียบเรียงจาก CNN/Henley Passport Index

พยากรณ์อากาศ 11 -20 ม.ค. เตรียมรับมือฝนถล่มหลายพื้นที่!

เปิดสถิติหวยออกงวดวันที่ 17 มกราคม หวยวันครู ย้อนหลัง 15 ปี

“อาจารย์แมน” แจง “ลงนะดาก” ทำตามลูกค้าขอ-ยันทำได้ทุกจุดคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง!